พื้นคอนกรีตสำหรับคลังสินค้า จำเป็นต้องคำนึงถึงความแข็งแรง ทนทาน เนื่องจากเป็นพื้นที่ต้องรองรับน้ำหนักมหาศาล ทั้งจากสินค้า เครื่องจักร และรถบรรทุกขนส่ง หากเลือกใช้พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาการทรุดตัว และเพิ่มประสิทธิภาพของพื้นที่ใช้งาน ช่วยประหยัดต้นทุน เพราะไม่ต้องซ่อมแซมหรือเทพื้นใหม่บ่อย ๆ
IYARA WANICH ผู้เชี่ยวชาญในการก่อสร้างโกดังสำเร็จรูป และโรงงานสำเร็จรูปด้วยระบบน็อกดาวน์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก ให้ความใส่ใจในการปูพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กสำหรับคลังสินค้าทั่วไป เพื่อความแข็งแรง ทนทาน สามารถรับน้ำหนักบรรทุกจรที่สูงถึงสูงมาก (Live Load) และทำให้อายุการใช้งานของคลังสินค้ายาวนานยิ่งขึ้น
ประเภทพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่นิยมสร้างกัน
พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่นิยมใช้สำหรับคลังสินค้ามี 2 ประเภทหลัก ได้แก่
พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนดิน (R.C. Slab on Ground)
พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กประเภทนี้ จะใช้ดินด้านล่างพื้นรับน้ำหนักโดยตรง ซึ่งจำเป็นต้องมีคัดเลือกประเภทดินให้เหมาะสม และต้องบดอัดดินให้ได้มาตรฐานเป็นชั้น ๆ เหมือนการทำถนนหรือลานคอนกรีต ทั้งยังมีการใช้ปริมาณเหล็กน้อย โดยใช้เพียงแค่เหล็กกันแตกเนื่องจากอุณหภูมิ (Temperature Steel)
อย่างไรก็ตาม ในกรณีอาคารหลักที่มีฐานรากเสาเข็มจะมีคานคอดิน (Ground Beam: GB) และมีพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนดินวางอยู่ในระดับเดียวกัน เมื่อใช้งานไประยะเวลาหนึ่ง พื้นมักมีอัตราการทรุดตัวมากกว่าการทรุดตัวของอาคารหลัก ทำให้ระดับของพื้นดินแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องมีการแยกรอยต่อไม่ให้ติดกัน เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นถ่ายน้ำหนักไปยังคาน ซึ่งก่อให้เกิดการแตกร้าวเนื่องจากการทรุดตัวต่างกัน (Differential Settlement)
พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนเสาเข็ม (R.C. Slab on Pile)
พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนเสาเข็ม เป็นพื้นไร้คานซึ่งทำหน้าที่ถ่ายน้ำหนักบรรทุกลงสู่เสาเข็ม โดยปกติมักจะตอกเสาเข็มแบบปูพรมเต็มพื้นที่ ซึ่งจำนวน ขนาด กำลังรับน้ำหนักของเสาเข็ม และระยะห่างของเสาเข็มขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุกตายตัว และน้ำหนักบรรทุกจร (DL.+LL.)
พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กประเภทนี้เหมาะสำหรับการก่อสร้างบนพื้นดินอ่อนที่มีอัตราการทรุดตัวมาก อีกทั้งต้องการรับน้ำหนักบรรทุกที่สูง และต้องการให้มีการทรุดตัวต่ำ ลดการทรุดตัวที่แตกต่างกันระหว่างพื้นและโครงสร้างอาคาร โดยต้องการปริมาณเหล็กเสริมมากกว่าแบบวางบนดิน เพราะหน้าตัดพื้นคอนกรีตเหล็กเสริมจะรับโมเมนต์ดัด (Bending Moment) จึงต้องมีปริมาณเหล็กเสริมที่ใช้เป็นไปตามการคำนวณของวิศวกร และส่วนใหญ่จะมีเหล็กเสริม 2 ชั้น และอาจมีการเสริมเหล็กพิเศษบริเวณบนเสาเข็มที่มีโมเมนต์ลบมาก ดังรูปที่ 3
พื้นไร้คานคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนเสาเข็ม
พื้นไร้คานคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนเสาเข็มสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ คือ
พื้นไร้คานท้องเรียบ (Flat Plate หรือ Flat Slab)
พื้นไร้คานท้องเรียบเป็นพื้นที่ไม่มีคานและไม่มีแป้นหัวเสา ทำให้ด้านล่างของพื้นเรียบเสมอกันทั้งหมด ข้อดีคือติดตั้งแบบหล่อง่าย ประหยัดเวลาในการก่อสร้าง และให้พื้นที่ใช้สอยที่โล่ง สวยงาม
อย่างไรก็ตาม พื้นประเภทนี้มีข้อจำกัดในการรับแรงเฉือนทะลุ (Punching Shear) บริเวณหัวเสา โดยเฉพาะเมื่อต้องรับน้ำหนักบรรทุกสูง จึงจำเป็นต้องออกแบบความหนาของพื้นและปริมาณเหล็กเสริมให้เพียงพอ
พื้นไร้คานมีแป้นหัวเสา (Flat Slab with Drop Panel)
พื้นไร้คานมีแป้นหัวเสาจะมีส่วนของพื้นบริเวณหัวเสาที่หนาขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับแรงเฉือนทะลุ และเพิ่มการรับโมเมนต์ลบบริเวณหัวเสาเข็มได้ดีขึ้น ทำให้สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้มากกว่าพื้นไร้คานท้องเรียบ
ข้อดีของพื้นประเภทนี้คือสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่าพื้นไร้คานท้องเรียบ ทั้งยังใช้เหล็กเสริมน้อยกว่า และมีการแอ่นตัวของพื้น (Deflection) น้อยกว่า แต่ข้อเสียคือการติดตั้งแบบหล่อที่มีความซับซ้อนขึ้น และด้านล่างของพื้นไม่เรียบเสมอกัน
การเลือกประเภทพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่เหมาะสมสำหรับคลังสินค้าจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ หากพื้นที่มีดินแข็งแรง น้ำหนักบรรทุกไม่มาก และงบประมาณจำกัด พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนดินอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
ในทางกลับกัน หากพื้นที่มีดินอ่อน ต้องการรับน้ำหนักบรรทุกสูง หรือต้องการความมั่นใจในการใช้งานระยะยาว พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กวางบนเสาเข็มจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า โดยเฉพาะพื้นไร้คานมีแป้นหัวเสาที่สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า
IYARA WANICH พร้อมให้คำปรึกษาและบริการออกแบบก่อสร้างพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กสำหรับคลังสินค้าทุกประเภท ด้วยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยเลือกโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโครงการของคุณ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อเรา
สำนักงาน 02-041-7155-6
มือถือ 098-828-8001, 02-970-9041
อีเมล [email protected]
Line IYARA WANICH
